วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

งานฟ้อนผี

ขึ้นไปลำปาง ไปร่วมงานฟ้อนผีมาค่ะ ตั้งใจจะไปดูฟ้อนผีเจ้านายๆ ไปๆมาๆ ได้ดูฟ้อนผีมด และ เม็ง แทน แต่ก็รู้สึกปลาบปลื้มดี เพราะเป็นพิธีแบบเก่าของดั้งเดิม และหาดูยาก ส่วนผีเจ้านายจะมีอยู่ทุกปี  สีสันของงานฟ้อนผีนอกจากความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมแล้ว ก็อยู่ที่เสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องนุ่งห่มนี่แหละค่ะ ถ้าเห็นใครสักคนห่มผ้าลายตารางๆ โพกหัว มีดอกไม้เหน็บที่ผ้าโพก เดาไว้ได้เลยว่า มีงานฟ้อนผีแน่ๆ


วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556

ยินดี ยินดี


รูปชุดครุยรับปริญญาเป็นอีกภาพที่ชอบวาด เพราะวาดง่าย ครุยมีรายละเอียดไม่ยาก วาดยังไงก็เหมือน ^^ วาดให้เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ และของตัวเอง สนุกสนานกันไป





วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556

สาวงามแห่งปักกิ่ง (มั้ง)

เพื่อนสุดเลิฟแม่นางปาริชาติ หนีไปเที่ยวจีนมาเมื่อปีก่อน นอกเหนือจากรอยร้าวบนเลนส์ที่แม่นางฝากไว้ให้อิชั้นแล้ว ก็มีภาพที่แม่นางไปแอคท่าถ่ายรูปอยู่ที่ไหนสักที่ แถวๆ ปักกิ่ง นางพยายามบอกว่า นี่ึคือองค์หญิงกำมะลอ.... ก็ถูกของนาง เพราะจริงๆ นางคือ พระมารดาขององค์ชายห้า (ใครไม่เก็ทให้กลับไปดูซีรีส์องค์หญิงกำมะลอก่อน)

ภาพนี้คงจะเป็นภาพสุดรัก ถึงขนาดเอาไปเคลือบ แล้ววันนึง...ก็มีคำสั่งมาว่า อยากได้ภาพนี้เป็นแบบสีน้ำ....................พร้อมกับหัวเราะด้วยความสะใจว่า อยากหน่อยนะป้า มังกรน่ะ

แล้วนางก็จากไป ทั้งให้อิชั้นพกรูปของนางไปทุกที่ที่มีทาง พาไปทุ่งกุลาก็พาไป ทุ่งรังสิต หมอชิต จอมทอง เพราะคิดว่า จะว่างวาด แต่ก็ไม่ว่าง จนมาสบโอกาสเหมาะๆ หนีประชุมมาวาด (ตื่นเต้นดี)

ถามว่ายากตามที่นางบอกมั้ย ไม่ยากหรอก
ก็แค่.....ตัดมังกรเก้าตัว สิบตัวออกไป เหลือตัวเดียวเปลี่ยวใจ แค่นี้ก็พอ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เหอะ เหอะ เหอะ

ร่างและลงสี และลงไปประชุม



หนีประชุมมาระบายสีต่อ 5555

วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2556

แม่ธรณี

สืบเนื่องจากคราวก่อนที่มีชายหนุ่มมาขอให้วาดพระพิฆเณศรให้ เมื่อออกสื่อไป ก็มีเพื่อนสาวคนนึงบอกว่า อยากได้ภาพ "แม่ธรณี" เพราะบูชาอยู่.....โอ้ งานระดับเทพทั้งนั้น

เวลาพูดถึงพระแม่ธรณี ภาพของเทพีในชุดไทย นั่งเอียงข้างบีบน้ำออกจากผมก็ผุดขึ้นมาในความคิดอยู่ตลอดเวลา บางทีก็จะยืนบีบน้ำออกมาให้ท่วมกองทัพพระยามาร ชุดของแม่ธรณีก็เป็นแบบชุดไทยสวยงาม รูปร่างหน้าก็ศิลปะประเพณีไทย(เดิม)สุดๆ  พระแม่ธรณีในความคิดจึงเป็นแบบตามประเพณียากที่จะดิ้นออกนอกกรอบ

อารมณ์ประมาณอยากจะร้องเพลง Live&Learn ให้เป็นแบบของตัวเอง แต่ร้องทีไรก็ร้องแบบป้ากมลา สุโกศล ทุกที (ป้าเขามีอิทธิพลจริง)

ที่สำคัญ กลัวว่า ถ้าจะวาดให้ออกนอกกรอบ จะเป็นการลบหลู่อะไรหรือเปล่า เผลอๆจะโดนน้ำท่วมตายซะเอง แต่ก็คงไม่มั้ง... ขนาดพระพิฆเณศร ยังเปลี่ยนให้ทันเป็นแบบเราได้เลย


พระแม่ธรณี อีกนัยหนึ่งก็คือ แม่ของโลก เป็นเทพีที่ดูแลความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารดูแลมวลมนุษย์ ดีมีเตอร์ในวัฒนธรรมของกรีก โรมัน ก็น่าจะเทียบได้กับแม่ธรณีของฝั่งไทย ดังนั้น เมื่อจะต้องวาดจริงๆจัง ก็เลยผนวกเอาทั้งฝั่งฝรั่งและฝั่งแขกเข้าด้วยกัน ออกมาเป็นแม่ธรณีในแบบของตัวเอ๊งงงง ตัวเองงงงง

เป็นไปตามโจทย์ของเพื่อนสาวพอดี เพราะไม่ได้อยากได้ภาพที่ออกแนวศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ถึงกับลั้ลลาเต้นฮาร์เลม เชค....

เมื่อคิดได้แล้วว่าจะออกมาในลักษณะตามใจฉัน ก็นึกต่อไปถึงองค์ประกอบของภาพว่าจะใส่อะไรเข้าไปบ้าง (จะได้ไม่ต้องวาดตัวพระแม่ธรณีให้ใหญ่มาก เดี๋ยวเขารู้หมดว่าเราตกกายวิภาค) ก็นึกถึงป่าไม้ ลำน้ำ และดอกไม้ป่า บังเอิ๊นนนนนนน นึกต่อไปถึงการ์ตูนเก่าเรื่องหนึ่งที่ชอบดูมาก ชื่อเรื่อง ตุ่นน้อยเพื่อนรัก The Mole ที่จะทำฉากเป็นป่าดอกไม้ในสไตล์งานตัดกระดาษของทางยุโรปตะวันออก เลยเอามายำใหญ่ขอยืมมาเป็นฉากบ้าง

เลยได้ภาพมาเป็นเช่นนี้แล.....ดีใจที่ เพื่อนสาวชอบมากกกก (รอดตาย)

เริ่มหวั่น....ไม่รู้โจทย์ต่อไปจะได้วาดภาพอะไรอีก 5555

ฉบับร่าง


พระแม่ธรณีสไตล์ป้ากิม....
วาดอีกทีคงไม่ได้ ฮ่าๆๆๆ

วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Flower Girls

ได้แรงบันดาลใจจากงานตุ๊กตาดอกไม้ของ Elsa Mora ซึ่งเป็นการนำเอากลีบดอกไม้ต่างๆ มาจัดวางให้ดูเป็นตุ๊กตา หรือเด็กหญิงน่ารักๆ ตามจินตนาการ แถมตั้งชื่อให้ด้วย เช่น Celina, Amore, Lolita, Lizette และอื่นๆ อีกมากมาย ก่อนที่จะไปลุยสวนหาดอกไม้มาทำเองบ้าง ก็เลยลองเอาภาพของคุณ Elsa มาวาดเป็นสีน้ำดูก่อน




ส่วนภาพนี้ วาดจากตุ๊กตาที่ลองทำเองค่ะ ^^


ภาพต้นแบบ ^^


ว่างๆลองเล่นดูนะคะ สนุกดี




วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

กระติกน้ำ

หนึ่งในเครื่องแสดงถึงความ "เริ่ด" ของเด็กนักเรียนสมัยประถม ก็คือ "กระติกน้ำ"

ไม่แน่ใจว่าเดี๋ยวนะยังเป็นกันอยู่หรือเปล่า เพราะเห็นเด็กๆพกโทรศัพท์อวดกัน มากกว่าอวดกลุ่องดินสอ

กระติกน้ำ เป็นหนึ่งในของไม่กี่อย่างที่ครูไม่ได้ห้ามให้ใช้ ถ้าเป็นพวกกิ้บติดผม โบสีสวยๆ อันนี้โดนห้าม แต่กระติกน้ำ กล่องดินสอ พวกเครื่องเขียนต่างๆ ตามแต่ใจนักเรียนจะไขว่คว้าเลย ซึ่งมันก็อดจะอวดกันไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นการอวด (เบ่ง) กันแบบเด็กๆก็ตาม

เมื่อก่อนสมัยเรียน ในห้องเรียนจะมีคูลเลอร์ใส่น้ำไว้ที่หลังห้อง ไม่รู้ว่าเริ่มมีตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เดาว่าน่าจะตอนอยู่ประถมปลายแล้ว แต่ตอนประถมต้นยังไม่มีถังน้ำ ดังนั้น เด็กๆจึงต้องมีอาวุธคู่กายเป็นเครื่องแบบนักเรียนอีกชิ้นหนึ่ง ก็คือ กระติกน้ำ เพื่อใส่น้ำไปจากบ้าน เอาไว้ดื่มระหว่างวัน ครึ่งวันถ้าน้ำหมดไปเติมได้ที่โต๊ะอาหาร

กระติกน้ำสมัยก่อนก็คงไม่ต่างจากเดี๋ยวนี้ในเรื่องรูปร่างหน้าตา แต่ลวดลายก็คงเป็นไปตามยุคสมัย เมื่อก่อนจะชอบลายการ์ตูนผู้หญิงตาหวานๆ ไม่ก็ดอกไม้ สัตว์น่ารักๆ พวกน้องหมี น้องกระต่าย  กระติกจะเป็นพลาสติก ฝาปิดเป็นเกลียว เอามาใช้เป็นแก้วน้ำได้ ส่วนมากก็จะเป็นแบบนี้กันทุกคน

แต่สำหรับคนที่ไฮโซๆ ขึ้นมาหน่อย ย่อมต้องมีลูกเล่นพิเศษๆไม่เหมือนใคร

เช่น

ฝารองด้านในของกระติก เป็นตะแกรง เอาไว้เวลาที่ใส่น้ำแข็งในกระติก เทน้ำออกมาใส่แก้ว น้ำแข็งจะไม่หกตามมาด้วย...แน่นอน เจ้าของต้องมีเงินไปซื้อน้ำแข็ง

พวกกระติกสูญญากาศ สีเงินวาววับ จริงๆมันไม่สวยเท่าพวกกระติกพลาสติก แต่เนื่องจากการที่สามารถรักษาอุณหภูมิของน้ำร้อน น้ำเย็นได้ จึงจัดอยู่ในกลุ่มของกระติกสุดหรูราคาแพง เห็นใครใช้เนี่ย คุณหนูแน่นอน (ตอนนั้นอยากได้ แต่พ่อไม่ซื้อให้ พอโตมาเลยซื้อไว้ใช้เอง...หมายถึงตอนทำงานแล้วนะ)

กระติกรุ่นมีก๊อก .... อันนี้ ถือว่า ระดับเทพ กระติกที่มีก๊อกหมุนปิดเปิดน้ำโดยไม่ต้องเปิดฝา ไฮโซมากกกก ดูหรูหรามีชาติตระกูล ลองนึกดูสิ เวลาใครสักคนทำท่าหิวน้ำ แล้วค่อยๆยกกระติกมาวางบนโต๊ะ เอาแก้วรองแล้วหมุนก๊อก น้ำค่อยๆไหลลงมา.....โอยยยย อยากได้มาก แต่ไม่ได้ เนื่องจากพ่อเล็งเห็นแล้วว่า ก๊อกมันคงจะหลวมเข้าสักวัน หรือถ้าปิดไม่สนิท น้ำรั่วออกมาแน่

ก็จริงของพ่อ

แล้วกระติกแบบไหนที่พ่อภูมิใจนำเสนอ ซื้อมาให้ใช้....

เป็นกระติกแบบกระป๋องน้ำค่า.....
สีเหลืองตุ่นๆ แบบเหลืองมัสตาร์ด ฝาแบบกดปิดมีช่องเล็กๆ เปิดไว้ใช้รินน้ำ มีฝาปิดในตัวเชื่อมติดกับฝาใหญ่ มีสายหิ้วไม่ใช่สายสะพายเฉียงตัว  มาคิดๆดูตอนนี้ ชอบกระติกใบนี้มากมาย แทบอยากจะไปเอากลับมาใช้ใหม่ แต่ไม่ทันแล้ว เพราะมันโทรมมาก ฝาก็หาย สายหิ้วก็พัง มันเป็นกระติกที่แนวมากในความคิดตอนนี้ ยิ่งจับคู่กับแก้วพลาสติคหนาเตอะสีส้ม....สุดยอดมาก

แต่ตอนนั้น ไม่ได้คิดแบบนี้เลย
เป็นกระติกที่ไม่ชอบเลยเพราะ

หนึ่ง มันใหญ่โตมาก (พ่อ : ก็เอาไปกินน้ำไม่ใช่เรอะ แบบนี้แหละไม่ต้องเติมบ่อย)

สอง ไม่มีลายเจ้าหญิงตาหวาน (พ่อ : ลายพวกนั้นเดี๋ยวก็ลอก พลาสติกบางๆ ถลอกง่าย)

สาม มันสะพายไม่ได้ (พ่อ : ก็หิ้วเอาสิ เรื่องมากจริง !!!)

พอเจอคำว่า "เรื่องมากจริง" แสดงว่าเริ่มกรุ่นล่ะ สมควรยุติการโวยวายทุกอย่าง ไม่งั้นเรื่องยาวแบบที่แม่ก็ช่วยไม่ได้


นี่คือกระติกที่พ่อเลือก สมกับการเป็นบุรุษที่บูชาคุณค่าทางการใช้สอยมากกว่ารูปลักษณ์
และข้าวของทุกๆอย่างที่พ่อซื้อ ก็จะเป็นแบบนี้ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน - -*

ในที่สุดเมื่อหลังห้องมีถังน้ำใส่น้ำแข็งเย็นๆไว้ให้ ความอยากได้กระติกน้ำแบบไฮโซๆ ก็หมดไป หันไปสนใจเรื่องอื่นๆอีก

เด็กๆก็แบบนี้แหละ ลืมง่ายๆ  แต่พอโตมาแล้ว ดันจำเรื่องตลกๆของตัวเองได้ดีซะงั้น




วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

เผาผงชูรส

"อย่าซื้อผงชูรสแบ่งขายยยยย"

จำไม่ได้แล้วว่า ใครคือต้นกำเนิดของประโยคนี้

"เพราะจะเป็นผงชูรสปลอม มีสารบอแรกซ์"

เอาล่ะสิ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าผงชูรสอันไหนจริง อันไหนปลอม??
เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะสมัยประถม ครูได้มอบคัมภีร์พิสูจน์ของจริงของปลอมไว้ให้แล้ว

อยากรู้ว่าผงชูรสจริง หรือ ปลอม ต้องใช้พิธีลุยเพลิงพิสูจน์ความสัตย์

การพิสูจน์ว่าผงชูรสที่ใช้กันนั้นจริงหรือปลอม มีหลายวิธีค่ะ
แต่ที่ง่ายสุดสำหรับเราๆ ก็คือ จับมาเผาพิสูจน์

วิธีก็คือ เอาผงชูรสสักครึ่งช้อนชา ใส่ในช้อนโลหะ ช้อนแกงอย่างที่ใช้ตามบ้าน แล้วก็เอาไปเผาไฟ
ใช้เทียนก็ได้ ตอนประถมยังไม่ค่อยได้ใช้ตะเกียงแอลกอฮอล์ ยกเว้นการทดลองที่ต้องต้มกันนานๆ ดังนั้น แค่เผาผงชูรส เทียนเอาอยู่ค่ะ

พอช้อนเริ่มร้อน (ควรหาผ้ามาพันด้ามช้อนกันร้อน) ผงชูรสก็เริ่มไหม้ ตอนนี้แหละค่ะที่เราจะได้รู้กัน
อุอุอุอุ

ถ้าเป็นผงชูรสจริง เมื่อไหม้แล้ว จะกลายเป็นสีน้ำตาลทั้งหมด
แต่ถ้าเป็นผงชูรสปลอม จะมีบางส่วนที่ไม่ไหม้ เป็นสีขาวๆ นั่นคือสารเคมีที่ใส่ปะปนมา

ง่ายมากค่ะ คัมภีร์นี้

ตอนเรียนก็ว่าง่ายดีค่ะ แต่ลืมไปว่า ช้อนที่ใช้มันก็พลอยไหม้ตามไปด้วย ล้างออกได้แต่ก็ใช้เวลา
แถมกลับบ้านไปแล้ว ก็ยังอยากจะโชว์ให้น้องๆที่บ้านได้ชื่นชมความเก่งของพี่ ก็คว้าช้อนในครัวเทผงชูรสลงไปเปาต่ออย่างสนุกสนาน

รู้ตัวอีกที ช้อนก็ไหม้ตามผงชูรสไปหลายคันแล้ว

งานนี้ถึงผงชูรสที่บ้านจะจริง แต่การที่บอกว่าแม่ใจดีนั้น ปลอมเห็นๆ

บทเรียนนี้ถือว่ามีประโยชน์ ใช้งานได้จริง
แต่ตั้งแต่วันนั้น จนวันนี้ ก็ยังไม่เคยไปนั่งเผาผงชูรสที่ไหนก่อนทำกับข้าวเลย


T-------T

ปล.การเผาพิสูจน์ผงชูรสมีความเสี่ยง ทั้งความปลอดภัยทางร่างกาย ทรัพย์สินและ จิตใจ ผู้ปกครองควรเลิกใช้ผงชูรสเป็นการถาวร หรือจนกว่าลูกของท่านจะเรียนเรื่องใหม่